ความท้าทายหกประการที่อุตสาหกรรมรถบรรทุกต้องเผชิญและวิธีรับมือ

การดำเนินธุรกิจรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพและทำกำไรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและมักต้องมีการฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างในคราวเดียว ต่อไปนี้เป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดหกประการที่ผู้ประกอบการการลำเลียงสินค้าและการขนส่งต้องเผชิญในปัจจุบัน

1. การปรับตัวเข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่คาดเดาไม่ได้

การขนส่งเป็นธุรกิจที่มีวัฏจักรมาโดยตลอดและต้องพึ่งพาเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจจำนวนมากต้องปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดทั่วโลกซึ่งมีความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ร่วมกับวิกฤตห่วงโซ่อุปทาน วิกฤตค่าครองชีพ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่รุนแรง และอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การดูแลให้ธุรกิจมีกำไรแม้จะมีอุปสรรคถือเป็นความท้าทายที่ต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
 

Michael Browne ศาสตราจารย์จาก University of Gothenburg ผู้ทำการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์มากว่า 30 ปีกล่าวว่า "ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักกับเรื่องใหญ่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง" "ให้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณควบคุมได้แทน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทในแง่ของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ระยะเวลาในการขับขี่ การวางแผนเส้นทาง และค้นหาจุดที่คุณสามารถปรับปรุงได้"
 

การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ได้มากที่สุดในช่วงขาขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากจะช่วยให้แน่ใจได้ว่าธุรกิจของคุณมีความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นเมื่อเกิดภาวะตกต่ำครั้งต่อไป

2. การลดต้นทุนเชื้อเพลิงให้เหลือน้อยที่สุด

เชื้อเพลิงมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดของฟลีท ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มราคาเพียงเล็กน้อยทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในแง่ผลกำไรของบริษัท
 

เช่นเดียวกับเศรษฐกิจอื่นๆ ราคาเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และมักขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทางรัฐศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้าของฟลีท แต่มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้เหลือน้อยที่สุด
 

Michael กล่าวว่า "การประหยัดเชื้อเพลิงอาจฟังดูตรงประเด็น แต่ผมก็ยังแปลกใจที่ผู้ประกอบการขนส่งหลายรายไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของตนได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีการตรวจวัด"
 

"ถ้าไม่มีการตรวจวัด คุณจะหาโอกาสในการลดต้นทุนได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น คนขับที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีจะใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าและวางแผนเส้นทางได้ดีขึ้น แต่คุณต้องการข้อมูลเพื่อจะได้รู้ว่าควรมีการฝึกอบรมที่ไหนและอย่างไร"
 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีส่งเสริมการขับขี่รถบรรทุกแบบประหยัดเชื้อเพลิง และ เทคโนโลยีมีส่วนช่วยในการพัฒนาการขับขี่ได้อย่างไร 

3. วิกฤติขาดแคลนคนขับ

ปัญหาการขาดแคลนคนขับทั่วโลกยังคงแย่ลงอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะแย่ลงสองเท่าในอีกห้าปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทขนส่งรักษากิจการให้อยู่รอดได้ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงการขยายและพัฒนากิจการ
 

นี่ไม่ใช่ความท้าทายที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการเพิ่มค่าจ้าง เนื่องจากความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ในกรณีนี้ ความสมดุลในชีวิตการทำงานไม่ได้หมายถึงชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานเสมอไป แต่ยังรวมถึงการต้องอยู่ห่างจากบ้านเป็นเวลานานด้วย
 

"อายุเฉลี่ยของคนขับอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับคนอายุน้อย" Michael กล่าว "ชั่วโมงการทำงานที่พวกเขาต้องทำให้ได้ตามที่กำหนด ความเครียดที่พวกเขาต้องเผชิญขณะทำงาน หรือข้อเท็จจริงที่ว่ามีอาชีพอื่นที่น่าสนใจกว่า เป็นเหตุผลเพียงบางส่วนเท่านั้น"
 

การเปลี่ยนแปลงสภาวะในการทำงานสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงความเข้าใจในอาชีพนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของปัญหาตามที่ Michael กล่าวก็คือ การขาดการมีส่วนร่วมกับแรงผลักดันจากนักวิจัยและผู้กำหนดนโยบาย "ค่อนข้างน่าแปลกใจที่มีการวิจัยเชิงวิชาการเกี่ยวกับอาชีพคนขับรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรามีนักวิจัยที่เขียนเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่อากาศพลศาสตร์ไปจนถึงรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่มีช่องว่างขนาดใหญ่ในการทำความเข้าใจอาชีพคนขับรถและบทบาทหน้าที่ของพวกเขา"
 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดึงดูดใจและรักษาคนขับ หรือ วิธีแก้ไขปัญหาการขาดแคลนคนขับ 

4. การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน

กฎหมายการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้นและตลาดมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของการขนส่งที่มีความยั่งยืนมากกว่าเดิมส่งผลให้บริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขึ้นในการเปลี่ยนไปใช้เชิ้อเพลิงประเภทอื่นแทนน้ำมันดีเซล
 

เมืองใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่น ปารีส เอเธนส์ มาดริด และสตอกโฮล์ม กำลังวางแผนที่จะห้ามใช้รถยนต์ดีเซลในบริเวณใจกลางเมืองเร็วที่สุดภายในในปี 2025 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่แน่ชัดคือแต่ละเมืองจะใช้แหล่งเชื้อเพลิงใดมาทดแทน ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจำนวนมากจึงใช้แนวทางรอดูไปก่อน แต่การรอดูไปก่อนนั้นก็เสี่ยงที่จะตามคนอื่นไม่ทัน
 

"ความสนใจในเชื้อเพลิงทดแทนนั้นมีเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มากว่าเมื่อไหร่จึงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้" Michael กล่าว "ขณะนี้ มีบริษัทบางแห่งมีความเคลื่อนไหวก่อนใคร เนื่องจากตลาดยังคงพัฒนาต่อไป ในที่สุดก็จะถึงจุดเปลี่ยนที่บริษัทต่างๆ เห็นคู่แข่งทั้งหมดเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทดแทน ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนเช่นกัน
 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางต่างๆ ที่จะนำไปสู่อนาคตที่ปราศจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสำหรับรถบรรทุก หรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อเพลิงทดแทนประเภทต่างๆ

5. การหาสถานที่จอดรถที่ปลอดภัย

คนขับจะหาที่จอดรถที่ปลอดภัยสำหรับการจอดค้างคืนได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้พวกเขาจำใจต้องจอดรถในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย
 

ทั้งนี้ความกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่ว EU และสถานการณ์ที่มีความรุนแรงเป็นพิเศษในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา หรือ United States Department of Transportation (USDOT) เชื่อว่าจุดจอดรถหนึ่งจุดต้องรองรับรถบรรทุกถึง 11 คัน EU ได้ออกกฎระเบียบเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คล้ายกันบนถนนในยุโรป แต่การเข้าถึงจุดจอดรถที่ปลอดภัยยังคงเป็นเรื่องท้าทาย
 

"ในสถานที่อย่างเคนต์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีรถบรรทุกจำนวนมากขับผ่านช่องแคบนี้ คุณจะพบคนขับที่จอดอยู่ในสถานที่แปลกๆ ทุกประเภท เช่น ถนนแคบๆ เพียงเพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับพวกเขา" Michael กล่าว 

"คนขับบางคนยังบอกว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานได้ เช่น การใช้ห้องน้ำในระหว่างการส่งสินค้า ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่บริษัทให้คนขับรับผิดชอบรถขนาดใหญ่และมีราคาแพงที่บรรทุกสินค้ามีค่า แต่บริษัทกลับไม่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของคนขับมากนัก"
 

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ ความไม่ชัดเจนว่าใครควรรับผิดชอบในการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะคาดหวังให้บริษัทขนส่งแก้ไขปัญหานี้เพียงลำพัง แต่บริษัทสามารถช่วยเหลือคนขับได้ เช่น ชดเชยค่าใช้จ่ายในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ปลอดภัย
 

ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการรับประกันการปกป้องสินค้าที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังทำให้คนขับรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น และส่งผลให้สามารถรักษาคนขับให้ทำงานกับองค์กรได้มากขึ้น

6. การปรับตัวให้เข้ากับการวางผังเมืองในอนาคต

ขณะนี้ แนวโน้มที่สำคัญในการวางผังเมืองนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างเมืองที่น่าอยู่มากขึ้น ผ่านแนวคิดต่างๆ เช่น เมือง 15 นาที ถนนเพื่อสุขภาพและถนนที่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวมักมองข้ามบทบาทของการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ทั้งๆ ที่มีส่วนสำคัญต่อการสัญจรในเมือง
 

"ซึ่งหมายความว่า บางครั้งนักวางผังเมืองไม่ได้คำนึงถึงการขนส่งสินค้า และไม่มีการจัดสรรพื้นที่ให้กับเรื่องนี้" Michael กล่าว "การพัฒนาใหม่ๆ ควรคำนึงถึงการขนส่งสินค้าด้วยเสมอ เช่น ตรวจสอบว่ามีพื้นที่ขนถ่ายสินค้าจากรถบรรทุกมากเพียงพอในอาคารขนาดใหญ่ที่มีการรับสินค้าจำนวนมาก"
 

อย่างไรก็ตาม Michael เชื่อว่าปัญหานี้กำลังดีขึ้นและหน่วยงานเทศบาลเริ่มให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้ามากขึ้น
 

"นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน แล้วจู่ๆ คุณก็เห็นสื่อต่างๆ ใช้คำนี้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้เมื่อสองสามปีก่อน ผมคิดว่าสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมตระหนักถึงความสำคัญของการหมุนเวียนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในวงกว้างมากขึ้น และเมืองต่างๆ ก็เริ่มมีส่วนร่วมมากขึ้นในการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งเพื่อค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในการส่งมอบและขนส่งสินค้าในเมือง"