เพราะเหตุใดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถบรรทุกจึงมีความสำคัญ เมื่อมองหาระบบขับเคลื่อนทางเลือก

แม้ว่ารถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือกจะมีราคาแพงกว่าดีเซล แต่ก็ส่งผลต่อต้นทุนการเป็นเจ้าของในระยะยาวด้วยเช่นกัน คุณจะสามารถทราบค่าใช้จ่ายจริงของรถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือกได้เมื่อคุณมองภาพรวมทั้งหมด

การคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถบรรทุก (TCO) ถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการซื้อรถคันใหม่ เนื่องจากช่วยให้มองเห็นภาพรวมว่าต้นทุนที่แท้จริงของธุรกิจนั้นอยู่ที่เท่าไร
 

แทนที่จะมุ่งเน้นแต่เรื่องของราคารถ การคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของจะดูทั้งต้นทุนทางตรงและทางอ้อมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับรถคันดังกล่าวตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งรวมถึงต้นทุนเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม มูลค่าซาก ภาษี เป็นต้น
 

สำหรับรถบรรทุกดีเซลปกติ ธุรกิจส่วนใหญ่คุ้นเคยกับต้นทุน ทำให้กระบวนการค่อนข้างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ระบบขับเคลื่อนทางเลือก เช่น รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่และรถยนต์ที่ใช้ก๊าซจะมีผลต่อตัวแปรหลายตัวที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ
 

“รถบรรทุกไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่และรถบรรทุกที่ใช้ก๊าซมีราคาสูงกว่ารถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล แต่ทว่า ยังมีการประหยัดต้นทุนในส่วนอื่นๆ ที่สามารถชดเชยจุดนี้ได้” เปอร์นิลลา เคมลิน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Volvo Trucks กล่าว “สำหรับธุรกิจบางประเภท การเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอยู่แล้วเมื่อพิจารณาจากมุมมองในการคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ”
 

เชื้อเพลิงทางเลือกสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างไร

การประหยัดเงินที่มากที่สุดที่สามารถทำได้จากการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกคือการลดต้นทุนเชื้อเพลิง โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับราคาเชื้อเพลิงซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด แต่โดยปกติแล้ว เชื้อเพลิงเช่นไฟฟ้าและ LNG มักจะมีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงดีเซล

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในขั้นตอนถังเชื้อเพลิงสู่ล้อ (Tank-to-wheel) ของรถบรรทุกแบตเตอรี่แบบไฟฟ้านั้นดีกว่ารถบรรทุกดีเซลถึง 70-80% ซึ่งหมายความว่ารถบรรทุกจะใช้พลังงานคุ้มค่ามากขึ้นระหว่างการทำงาน
 

นอกจากนี้ ความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น คำสั่ง EuroVignette และการเก็บค่าผ่านทางอื่นๆ ที่ใช้ CO₂ จะทำให้การปล่อย CO₂ ต้องเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการใช้เชื้อเพลิงดีเซลกับเชื้อเพลิงปลอดมลพิษอื่นๆ

“หากคุณสามารถใช้เชื้อเพลิงทางเลือกที่ถูกกว่าดีเซลได้ ยิ่งคุณใช้รถมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้มากขึ้นเท่านั้น” เปอร์นิลลาอธิบาย "ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในตลาดที่ไฟฟ้ามีราคาถูกและน้ำมันดีเซลมีราคาแพง เมื่อพิจารณาจากมุมมองการคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของแล้ว รถบรรทุกไฟฟ้าก็พิสูจน์แล้วว่าคุ้มต้นทุนมากกว่ารถบรรทุกดีเซล"

ต้นทุนการบำรุงรักษาและซ่อมแซมส่งผลต่อต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของอย่างไร

เมื่อพูดถึงรถบรรทุกไฟฟ้า ค่าซ่อมแซมหรือค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจมีราคาสูง แม้ว่าจะไม่ค่อยเกิดขึ้นนักก็ตาม ในทางกลับกัน ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านั้นประกอบด้วยชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่งผลให้ชิ้นส่วนต่างๆ สึกหรอน้อยกว่า และไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือไส้กรองเหมือนที่เครื่องยนต์ดีเซลต้องทำ
 

“ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างต้นทุนการซ่อมบำรุงรถบรรทุกไฟฟ้ากับรถบรรทุกดีเซลที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เราอาจจะได้เห็นข้อมูลที่ชัดเจนในอนาคตอันใกล้นี้จากการคำนวณและคาดการณ์ส่วนใหญ่” เปอร์นิลลากล่าว “นอกจากนี้ เรายังคาดว่าระยะห่างระหว่างการซ่อมบำรุงของรถบรรทุกไฟฟ้านั้นจะนานกว่า ซึ่งหมายความว่าเวลาหยุดทำงานก็น้อยลงตามไปด้วย"
 

โดยดูจากกรณีของรถยนต์ส่วนบุคคลที่คาดว่าต้นทุนการบำรุงรักษาจะอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน 

แนวโน้มของต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของในปีต่อๆ ไปเป็นอย่างไร 

เนื่องจากต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถบรรทุกไฟฟ้าจึงมีแนวโน้มดีขึ้นในปีต่อๆ ไป
 

อันที่จริง จากงานวิจัยล่าสุดจากกลุ่มวิจัยอิสระ Energy Innovation ในสหรัฐฯ ได้ประเมินว่ารถบรรทุกไฟฟ้าหนัก รวมถึงรถบรรทุกทางไกล จะมีแนวโน้มต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ดีขึ้นตลอดอายุการใช้งานภายในปี 2030 โดยไม่รวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือภาษีจูงใจต่างๆ
 

และเมื่อพูดถึงเชื้อเพลิง LNG และ Bio-LNG ราคาพลังงานก็อยู่ในจุดที่คงที่แล้วและมีต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ดี โดยดูจากกรณีการใช้งานต่างๆ และควรปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นอีกเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและการเติมเชื้อเพลิงยังคงขยายตัวต่อไป
 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าของรถบรรทุกจำเป็นต้องรอเพื่อศึกษาทางเลือกต่างๆ สำหรับธุรกิจบางประเภท การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอยู่แล้ว และเนื่องจากตัวแปรต่างๆ ที่ส่งผลต่อสูตรการคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกจึงอาจดีขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับธุรกิจต่างๆ ในปีต่อๆ ไป
 

นอกจากนี้ การมีฟลีทซึ่งประกอบไปด้วยรถที่ปล่อยไอเสียต่ำและปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ยังช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสทำสัญญาใหม่ๆ กับลูกค้าที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
 

“หากคุณกำลังพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือก การคำนวณต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” เปอร์นิลลากล่าว “ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพว่ามันควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ และอาจจะคุ้มค่ามากกว่าที่คุณคิดก็เป็นได้ และแม้ว่าวันนี้จะไม่สามารถทำได้จริง แต่อย่างน้อยคุณก็จะได้แนวคิดที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นก่อนที่มันจะเป็นไปได้”
 

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ ที่มีจำหน่ายสำหรับรถบรรทุกหนักและค้นหาเชื้อเพลิงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ คุณอาจสนใจอ่าน:

• เชื้อเพลิงทางเลือกใดดีที่สุดสำหรับรถบรรทุก?
• วิธีการต่างๆ สู่อนาคตที่ไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
• รถบรรทุกไฟฟ้าเหมาะกับคุณหรือไม่